เมื่อพูดถึงอาการเจ็บคอ หลายคนนึกถึงไข้หวัดธรรมดา แต่รู้หรือไม่ว่าหนึ่งในสาเหตุสำคัญ คือ ต่อมทอนซิลอักเสบ โรคที่เกี่ยวข้องกับโรคระบบทางเดินหายใจ และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอย่างภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง วันนี้เราจะพาทุกคนมาเจาะลึกเรื่องนี้กันแบบเข้าใจง่าย ๆ พร้อมแนวทางการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคนี้
ทำความรู้จักต่อมทอนซิล
ต่อมทอนซิล (Tonsil) เป็นเนื้อเยื่อชนิดหนึ่งที่อยู่บริเวณสองข้างของลำคอ มีหน้าที่ช่วยดักจับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายทางปากและจมูก เปรียบเสมือนด่านแรกของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์ เมื่อเชื้อโรคจำนวนมากเข้ามา หรือภูมิคุ้มกันลดต่ำลง ต่อมทอนซิลจะเกิดการอักเสบ บวมแดง มีหนอง หรือเจ็บคออย่างรุนแรง ซึ่งเป็นอาการที่เราเรียกกันว่า ต่อมทอนซิลอักเสบ
สาเหตุของต่อมทอนซิลอักเสบ
ต่อมทอนซิลอักเสบ เกิดขึ้นได้จากทั้งเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อไวรัสไข้หวัด ไวรัสไข้หวัดใหญ่ หรือเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส (Streptococcus) โดยเฉพาะในเด็กวัยเรียน พบว่ามีโอกาสเกิดต่อมทอนซิลอักเสบ ได้บ่อยกว่ากลุ่มวัยอื่น เพราะมีการติดเชื้อง่าย และระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่เต็มที่
อาการที่ควรระวัง
อาการที่บ่งบอกถึงการมี ต่อมทอนซิลอักเสบ ได้แก่ รู้สึกเจ็บคอมาก โดยเฉพาะเวลากลืนอาหารหรือน้ำ ต่อมทอนซิลบวมแดง หรือมีหนองปกคลุม มีไข้สูง ปวดหัว ปวดเมื่อยเนื้อตัว มีกลิ่นปาก หรือต่อมน้ำเหลืองที่คอบวมโตหากปล่อยให้การอักเสบลุกลาม อาจส่งผลต่อ โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไซนัสอักเสบ หูน้ำหนวก หรือแม้แต่ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ได้ในที่สุด
ต่อมทอนซิลอักเสบ มี 2 ชนิด
ต่อมทอนซิลอักเสบเฉียบพลัน
มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียเฉียบพลัน อาการจะรุนแรงในระยะสั้น สามารถรักษาหายได้ภายใน 7-10 วัน
ต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง
ต่อมทอนซิลมีขนาดใหญ่ผิดปกติหรืออักเสบซ้ำ ๆ มักพบในเด็กและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอเสี่ยงทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งเป็นอันตรายต่อการทำงานของหัวใจและสมอง
อันตรายที่อาจเกิดจากต่อมทอนซิลอักเสบ
แม้ว่าการมี ต่อมทอนซิลอักเสบ จะดูเหมือนเป็นโรคเล็กน้อยในช่วงแรก แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ดังนี้
ฝีรอบต่อมทอนซิล (Peritonsillar Abscess)
เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการติดเชื้อที่ลุกลามออกนอกต่อมทอนซิล ส่งผลให้อาการรุนแรงขึ้น เช่น เจ็บคอมาก พูดไม่ชัด หรือมีกลิ่นปากรุนแรง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้หายใจติดขัด หรือเกิดการแพร่กระจายของหนองเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งเป็นอันตรายได้ ต่อมทอนซิลที่บวมใหญ่มากจากการอักเสบเรื้อรัง หรือภาวะฝี อาจกดทับทางเดินหายใจ ส่งผลให้หายใจลำบาก
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea)
เป็นภาวะที่มีการหยุดหายใจชั่วคราวซ้ำ ๆ ขณะนอนหลับ ในผู้ป่วยที่มี ต่อมทอนซิลอักเสบ เรื้อรัง หรือขนาดของต่อมโตผิดปกติ จะเสี่ยงต่อการอุดกั้นทางเดินหายใจขณะนอนหลับ อาจทำให้ตื่นกลางดึก เหนื่อยง่าย สมองล้า ความดันโลหิตสูง และเสี่ยงต่อโรคหัวใจในระยะยาว
โรคไข้รูมาติก (Rheumatic Fever)
เป็นภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสในคอ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดการอักเสบที่หัวใจ ข้อ และระบบประสาทได้ เสี่ยงต่อการเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ในระยะยาว
โรคไตอักเสบ (Post-streptococcal Glomerulonephritis)
เกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้มีการอักเสบของไต ส่งผลให้ไตทำงานผิดปกติ ผู้ป่วยอาจมีอาการบวมน้ำ ปัสสาวะมีเลือด หรือความดันโลหิตสูง
วิธีวินิจฉัยต่อมทอนซิลอักเสบ
แพทย์จะวินิจฉัย ต่อมทอนซิลอักเสบ จากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจคอด้วยแสงส่อง การป้ายคอตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย (Rapid Antigen Test) การเพาะเชื้อจากสารคัดหลั่งในลำคอ และการเอกซเรย์หากสงสัยว่ามีฝีเกิดขึ้น
วิธีการรักษา
การรักษาด้วยยา
หากสาเหตุเกิดจากไวรัส แพทย์จะให้การดูแลแบบประคับประคอง เช่น ใช้ยาลดไข้หรือยาแก้เจ็บคอ แต่หากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น Streptococcus pyogenes จะต้องได้รับยาปฏิชีวนะ เช่น ยา Amoxicillin เพื่อทำลายเชื้อ
การผ่าตัดต่อมทอนซิล
ในกรณีที่มี ต่อมทอนซิลอักเสบ ซ้ำ ๆ เกิน 5-6 ครั้งใน 1 ปี หรือต่อมทอนซิลโตมากจนทำให้หายใจลำบากเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
การดูแลตัวเองเมื่อต่อมทอนซิลอักเสบ
เพื่อฟื้นฟูร่างกายและป้องกันการเกิดโรคซ้ำ ควรปฏิบัติดังนี้
-พักผ่อนให้เพียงพอ
-ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ
-กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ
-หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรืออยู่ในที่มีฝุ่น
-รักษาสุขอนามัย ป้องกันการแพร่เชื้อ
-ป้องกันต่อมทอนซิลอักเสบได้อย่างไร
-สวมหน้ากากอนามัยหากอยู่ในที่แออัด
-หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย โรคทางเดินหายใจ
-ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อลดความเสี่ยงของ โรคระบบทางเดินหายใจ
ต่อมทอนซิลอักเสบในเด็กต้องดูแลเป็นพิเศษ
เด็กเล็กที่มี ต่อมทอนซิลอักเสบ ซ้ำ ๆ ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจทำให้พัฒนาการช้าลง เนื่องจากการหายใจไม่สะดวกในเวลากลางคืนที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต หากพบว่าเด็กมีอาการหายใจลำบาก นอนกรน หรือสำลักอาหารบ่อย ๆ ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด
สรุป
ต่อมทอนซิลอักเสบ ไม่ใช่แค่การเจ็บคอ แต่เกี่ยวข้องกับ โรคระบบทางเดินหายใจ เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ได้ ดังนั้น หากมีอาการบ่งชี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที และดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น