ปัจจุบันผู้คนหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น การ ตรวจสุขภาพ เป็นสิ่งที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการ ตรวจไขมันในเลือด หนึ่งในการตรวจพื้นฐานที่สามารถช่วยคัดกรองความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไขมันในเลือดสูงมักไม่มีอาการในระยะแรกเริ่ม หากปล่อยไว้โดยไม่ตรวจพบ อาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น หลอดเลือดหัวใจตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือหัวใจวายเฉียบพลัน ดังนั้นการตรวจ Lipid Profile อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการป้องกันโรคเหล่านี้ได้
ไขมันในเลือดคืออะไร?
ไขมันในเลือด (Blood Lipids) คือไขมันชนิดต่าง ๆ ที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด มีหน้าที่ให้พลังงาน และเป็นองค์ประกอบของเซลล์ในร่างกาย แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักที่ใช้ในการตรวจ Lipid Profile ได้แก่
โคเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol)
เป็นผลรวมของไขมันชนิดต่าง ๆ ในร่างกาย ค่าปกติควรต่ำกว่า 200 มก./ดล.
แอลดีแอล (LDL: Low-Density Lipoprotein)
รู้จักกันดีว่าคือ ไขมันเลว หากมี LDL มากเกินไปจะไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดปัญหาหลอดเลือดตีบตัน ค่าแนะนำควรอยู่ที่ต่ำกว่า 100 มก./ดล.
เอชดีแอล (HDL: High-Density Lipoprotein)
รู้จักกันในชื่อ ไขมันดี HDL เป็นตัวที่ช่วยนำ LDL ตัวไขมันเลวออกจากหลอดเลือด ค่าแนะนำอยู่ที่ มากกว่า 40 มก./ดล. ในผู้ชาย และมากกว่า 50 มก./ดล. ในผู้หญิง
ไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides)
เป็นไขมันที่ร่างกายสร้างขึ้นจากน้ำตาลและแป้ง หากมีปริมาณสูงเสี่ยงต่อโรคหัวใจและตับอ่อนอักเสบ ค่าแนะนำควรอยู่ที่ ต่ำกว่า 150 มก./ดล.
ทำไมต้องตรวจไขมันในเลือด?
การ ตรวจไขมันในเลือด เป็นวิธีการง่าย ๆ ที่สามารถบ่งชี้สุขภาพของหลอดเลือดและหัวใจได้ในระยะเริ่มต้น โดยไม่ต้องรอให้เกิดอาการรุนแรงก่อน ซึ่งข้อดีของการ ตรวจไขมันในเลือด ได้แก่
-ทำให้ตรวจพบภาวะเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ
-เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาไขมันได้เลือดได้ปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตได้อย่างถูกต้อง
-ป้องกันภาวะหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ และ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรังในอนาคต
ใครควรตรวจไขมันในเลือด?
ไม่จำเป็นต้องรอให้ป่วยถึงจะมา ตรวจไขมันในเลือด เพราะแม้แต่คนที่ดูสุขภาพดีจากภายนอกก็อาจมีไขมันในเลือดสูงได้ โดยกลุ่มที่ควร ตรวจไขมันในเลือด ได้แก่
-ผู้ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป ควรตรวจทุก 1-2 ปี
-ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจหรือไขมันในเลือดสูง
-ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
-ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
-ผู้สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
ขั้นตอนการตรวจไขมันในเลือด
การตรวจ Lipid Profile ต้องงดอาหารอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมงก่อนเจาะเลือด เพื่อให้ค่าที่ได้แม่นยำ โดยขั้นตอนมีดังต่อไปนี้
-งดอาหาร ยกเว้นน้ำเปล่า 8-12 ชั่วโมง
-เจาะเลือด โดยนักเทคนิคการแพทย์
-รอผลตรวจ ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 1 วัน
-แพทย์จะเป็นผู้แปลผลการ ตรวจไขมันในเลือด และแนะนำแนวทางการดูแลสุขภาพ
ความหมายของผลตรวจ Lipid Profile
Total Cholesterol ระดับปกติ < 200 mg/dL ระดับความเสี่ยง ≥ 240 เสี่ยงสูง
LDL (ไขมันเลว) ระดับปกติ < 100 mg/dL ระดับความเสี่ยง ≥ 160 เสี่ยงสูง
HDL (ไขมันดี) ระดับปกติ > 40 mg/dL (ชาย), > 50 mg/dL (หญิง) ระดับความเสี่ยง < 40 เสี่ยงสูง
Triglycerides ไตรกลีเซอไรด์ ระดับปกติ < 150 mg/dL ระดับความเสี่ยง ≥ 200 เสี่ยงสูง
ค่าทั้งหมดเหล่านี้ แพทย์จะใช้ร่วมกันในการประเมินว่าเราอยู่ในระดับเสี่ยงหรือปลอดภัย และควรได้รับการดูแลรักษาหรือไม่
ผลเสียของไขมันในเลือดสูง
หากปล่อยให้ไขมันในเลือดสูงโดยไม่รู้ตัว ไม่หมั่น ตรวจไขมันในเลือด หรือไม่ได้รับการรักษา อาจเกิดโรคแทรกซ้อนร้ายแรงได้ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมองตีบ/แตก (Stroke) หรือความดันโลหิตสูง เป็นต้น
วิธีลดไขมันในเลือดอย่างปลอดภัย
หากผลการ ตรวจไขมันในเลือด พบว่าอยู่ในระดับสูง ไม่ต้องตกใจ เพราะสามารถลดลงได้ด้วยวิธีธรรมชาติและการปรับพฤติกรรม ดังนี้
ปรับพฤติกรรมการกิน
ลดอาหารทอด ของหวาน หลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว เพิ่มอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช และเลือกไขมันดีจากปลาแซลมอน อะโวคาโด น้ำมันมะกอก
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
อย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน การออกกำลังช่วยเพิ่ม HDL และลด Triglycerides
งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
บุหรี่ลด HDL และเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ แอลกอฮอล์เพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์
ควบคุมน้ำหนัก
ดัชนีมวลกาย (BMI) ควรอยู่ระหว่าง 18.5 – 22.9 น้ำหนักเกินเป็นปัจจัยสำคัญของไขมันในเลือดสูง
ตรวจสุขภาพประจำปี
การ ตรวจสุขภาพ เป็นประจำช่วยให้รู้ทันสัญญาณผิดปกติ คนอายุมากกว่า 35 ปีควร ตรวจไขมันในเลือด อย่างน้อยปีละครั้ง
การใช้ยาลดไขมันในเลือด
ในกรณีที่ปรับพฤติกรรมแล้วยังไม่เพียงพอ แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ยา เช่น
-Statins (ยาลด LDL เช่น Simvastatin, Atorvastatin)
-Fibrates (ลด Triglycerides เช่น Gemfibrozil)
-Niacin (เพิ่ม HDL ลด LDL)
-Omega-3 Fatty Acids (จากน้ำมันปลา)
การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง
สรุป
การ ตรวจไขมันในเลือด เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ สามารถช่วยให้รู้เท่าทันความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคเรื้อรังอื่น ๆ การตรวจ Lipid Profile ไม่เพียงแต่ให้ข้อมูลสุขภาพของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวทางในการปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคได้อย่างยั่งยืน การดูแลสุขภาพควรเริ่มตั้งแต่ก่อนป่วย ด้วยการ รู้ก่อน ป้องกันได้ ตรวจเช็คตัวเองเสมอ และอย่ารอให้โรคร้ายมาถึงตัวจึงค่อยเริ่มต้นดูแลสุขภาพ