การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญต่อผู้หญิงทุกคน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกาย และจิตใจของผู้หญิงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่น และทารกในครรภ์มีสุขภาพที่ดี คุณแม่ควรดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันอาการแพ้ท้อง รวมไปถึงจะได้รับมือกับสุขภาพจิตได้อย่างท่วงที
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่หลากหลายและครบถ้วนตามหลักโภชนาการ รับประทานให้ครบ 3 เวลา และมีสารอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานที่พอเหมาะทั้งคุณแม่เอง และทารกในครรภ์ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตที่ดีของทารกทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสมองก็จะได้รับสารอาหารดี ๆ เช่นกัน
โดยสารอาหารหลัก ๆ ที่คุณแม่ควรรับประทานในช่วงของการตั้งครรภ์ ได้แก่ โปรตีน เพราะจะไปสร้างเซลล์ต่าง ๆ ให้กับทารก และคาร์โบไฮเดรต หรือพวกแป้งต่าง ๆ แต่ควรบริโภคแต่พอดี ไม่มากเกินไป และไม่น้อยเกินไป
นอกจากสารอาหารหลักแล้ว สิ่งที่ควรเพิ่มเข้าไปในอาหารด้วยก็คือ พวกใยอาหารต่าง ๆ เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการท้องผูก และจะช่วยบำรุงครรภ์ได้อีกด้วย ทั้งนี้แคลเซียมก็เป็นสารอาหารที่ไม่ควรลืมเด็ดขาด อย่างน้อย ๆ ควรได้รับวันละ 1,000 มิลลิกรัม เพื่อเสริมสร้างกระดูกของทั้งคุณแม่เอง และทารกในครรภ์
ยังไม่นับสารอาหารจำพวก ไอโอดีน ธาตุเหล็ก และกรดโฟลิก ที่จะพัฒนาระบบต่าง ๆ ของร่างกายของทารก และคุณแม่เองก็จะได้สารอาหารที่ครบถ้วนต่อวัน
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
คุณแม่ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำหล่อเลี้ยง และขับของเสียออกจากร่างกาย
ทั้งนี้ คุณแม่ควรทำตัวให้สดชื่น ทำจิตใจไม่ให้มัวหมอง เพราะอารมณ์ของคุณแม่จะส่งผลต่อทารกโดยตรง ควรให้ความอบอุ่นต่อร่างกาย ใส่เสื้อผ้าให้เหมาะกับสภาพอากาศ และใช้น้ำอุ่นอาบน้ำ เมื่ออากาศเย็น
รวมไปถึงดูแลสุขภาพโดยรวมให้ดี เพราะถ้าคุณแม่มีสุขภาพกาย และใจที่ดีตลอดช่วงการตั้งครรภ์ ทารกในครรภ์ก็จะดีตามไปด้วย
พักผ่อนให้เพียงพอ
คุณแม่ควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอ สำหรับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
การพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้จิตใจผ่องใสอีกด้วย ซึ่งจะเกี่ยวโดยตรงกับการรับประทานอาหาร และดื่มน้ำให้เพียงพอ หากทั้งสามอย่างนี้ดี เชื่อเหลือเกินว่าทั้งคุณแม่เอง และทารกในครรภ์จะมีสุขภาวะ และสุขภาพที่ดี ทั้งก่อนคลอด และหลังคลอดแน่นอน
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายขณะตั้งครรภ์มีประโยชน์และมีความปลอดภัย สามารถเริ่มทำได้ในทั้งผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนหรือออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว
โดยเทคนิคการออกกำลังสำหรับคุณแม่ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ก็คือ การเดิน เพราะจะทำให้หัวใจแข็งแรง รวมไปถึงการว่ายน้ำ และเล่นโยคะ ทั้งสองอย่างจะช่วยให้คุณแม่มีความสบาย รู้สึกสดชื่น เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ทั้งยังรักษาอาการปวดหลังได้อีกด้วย
ทั้งนี้การออกกำลังการในช่วงตั้งครรภ์จะช่วยให้ปอด หัวใจ ระบบต่าง ๆ ในร่างกายของคุณแม่แข็งแรง และดีขึ้น ส่งผลใ้หทารกได้รับออกซิเจนมากขึ้น แต่การออกกำลังกาย ก็ไม่ควรที่จะหักโหมมากเกินไป โดยระยะเวลาที่ดีสุดคือ สัปดาห์ละ 5 วัน วันละไม่เกิน 30 นาที
ในเรื่องของการออกกำลังกาย คุณแม่ควรที่จะแบ่งเป็นไตรมาศของการตั้งครรภ์ เพราะแต่ละช่วงมวลน้ำหนักของคุณแม่จะมีความแตกต่างกัน และควรได้รับการออกกำลังกายอย่างถูกวิธีในแต่ละช่วงไตรมาศ
เข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
คุณแม่ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แพทย์สามารถติดตามพัฒนาการ ของทารกในครรภ์ และตรวจหาปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้
โดยลำดับแรกที่คุณแม่ควรดำเนินการให้เร็วที่สุด ก็คือการฝากครรภ์ เพื่อรับการประเมินจากแพทย์ถึงสุขภาพของคุณแม่เอง และทารกในครรภ์ เพื่อให้ทราบถึงความเสี่ยงที่อาจจะมาพร้อมกับการตั้งครรภ์ พร้อมขอคำแนะนำจากแพทย์ถึงวิธีบำรุงครรภ์
ทั้งนี้ หากมีความผิดปกติ แพทย์จะได้วางแผน และรักษาได้ทันท่วงที เพื่อให้คุณแม่ และทารกในครรภ์มีความปลอดภัยตลอดการตั้งครรภ์
นอกจากเทคนิคการดูแลตัวเองข้างต้นแล้ว คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจส่งผลเสีย ต่อสุขภาพของแม่และทารกในครรภ์ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การใช้สารเสพติด การรับประทานยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ การปฏิบัติตามเทคนิคการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้คุณแม่มีสุขภาพที่ดี และทารกในครรภ์มีพัฒนาการที่สมบูรณ์แข็งแรง