เมื่อพูดถึง ยาแก้อักเสบ หลายคนอาจนึกถึงยาที่กินแล้วช่วยลดบวม ลดปวด หรือช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่า ยาแก้อักเสบ จริง ๆ แล้วมีหลายประเภท และแต่ละแบบก็มีวิธีใช้ที่แตกต่างกันไป ถ้าใช้ผิดวิธีก็อาจไม่ได้ผล หรืออาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ วันนี้เรามาไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ ยาแก้อักเสบ กันแบบละเอียด เข้าใจง่าย เพื่อให้เราใช้ยาแก้อักเสบให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
ยาแก้อักเสบ คืออะไร?
ยาแก้อักเสบ คือกลุ่มยาที่มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอาการบวม แดง ร้อน ปวด ที่เกิดจากบาดแผล การติดเชื้อ หรือโรคเรื้อรังต่าง ๆ โดย ยาแก้อักเสบ จะไม่ใช่ยาฆ่าเชื้อ (ยาปฏิชีวนะ) ดังนั้นการใช้ยาแก้อักเสบไม่สามารถรักษาเชื้อแบคทีเรียได้ นี่คือจุดที่หลายคนมักสับสนกันบ่อย
ความแตกต่างระหว่างยาแก้อักเสบกับยาฆ่าเชื้อ
หลายคนมักสับสนระหว่าง ยาแก้อักเสบ กับยาฆ่าเชื้อ (ยาปฏิชีวนะ) ซึ่งมีความแตกต่างกันดังนี้
ยาแก้อักเสบ
ลดการอักเสบและปวด ไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค ใช้ในกรณีที่อาการอักเสบไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
ยาฆ่าเชื้อ (ยาปฏิชีวนะ)
มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ต่อมทอนซิลอักเสบ ปัสสาวะอักเสบ ไม่มีฤทธิ์ลดการอักเสบหรือปวด การใช้ยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็นอาจนำไปสู่การดื้อยา
ยาแก้อักเสบ มีกี่แบบ?
โดยทั่วไป ยาแก้อักเสบ สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ ยาใช้ภายใน เป็นยาที่รับประทานหรือฉีดเข้าสู่ร่างกาย เช่น ยาเม็ด ยาน้ำ หรือยาฉีด ใช้สำหรับการอักเสบที่เกิดภายในร่างกาย เช่น ข้ออักเสบ กล้ามเนื้ออักเสบ และ ยาใช้ภายนอก เป็นยาที่ใช้ทาบริเวณผิวหนัง เช่น ครีม เจล หรือแผ่นแปะ ใช้สำหรับการอักเสบที่ผิวหนังหรือกล้ามเนื้อเฉพาะบริเวณที่อักเสบ เช่น เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ
แต่ถ้าแบ่งตามกลไกการออกฤทธิ์ ยาแก้อักเสบจะแยกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
ยาแก้อักเสบชนิดสเตียรอยด์ (Steroidal Anti-Inflammatory Drugs: SAIDs)
ยาแก้อักเสบ ชนิดสเตียรอยด์ คือยาที่เลียนแบบฮอร์โมนคอร์ติโซลที่ร่างกายเราผลิตขึ้นตามธรรมชาติ มีฤทธิ์ลดการอักเสบที่รุนแรงมาก เช่น ในกรณีภูมิแพ้รุนแรง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง (autoimmune diseases) ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ เช่น Prednisolone Dexamethasone และ Hydrocortisone ยาแก้อักเสบ ชนิดนี้ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด นอกจากนั้นการใช้ในระยะยาวอาจมีผลข้างเคียง เช่น กระดูกพรุน บวมน้ำ น้ำตาลในเลือดสูง
ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs: NSAIDs)
ยาแก้อักเสบ ชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ เป็นกลุ่มยาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด มีฤทธิ์ลดปวด ลดไข้ และลดอักเสบ เช่น อาการปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ ข้ออักเสบ ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ เช่น Ibuprofen Naproxen Diclofenac และ Celecoxib ยาแก้อักเสบ ชนิดนี้ใช้กับอาการอักเสบไม่รุนแรงโดยอาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ต้องระวังในผู้มีโรคกระเพาะ
ยาแก้อักเสบ: การใช้ภายใน vs การใช้ภายนอก
การเลือกใช้ ยาใช้ภายใน หรือ ยาใช้ภายนอก ก็มีความสำคัญไม่น้อย มาดูความแตกต่างกัน
ยาใช้ภายใน
เป็นยาที่รับประทานหรือฉีดเข้าสู่กระแสเลือด ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย เหมาะกับการอักเสบที่กระจายหลายบริเวณ เช่น ไขข้ออักเสบ เช่น ยาเม็ดไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยาฉีดเดกซ่าเมธาโซน (Dexamethasone)
ยาใช้ภายนอก
เป็นยาที่ใช้ทา พ่น หรือป้ายบริเวณที่มีการอักเสบโดยตรง ออกฤทธิ์เฉพาะจุด ลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด เช่น เจลไดโคลฟีแนก (Diclofenac gel) ครีมสเตียรอยด์สำหรับทาผื่นอักเสบ
ข้อควรระวังในการใช้ยาแก้อักเสบ
ไม่ว่าคุณจะใช้ ยาแก้อักเสบ แบบไหนก็ตาม การใช้อย่างระมัดระวังเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
-ห้ามหยุดยาเองกะทันหัน โดยเฉพาะกลุ่มสเตียรอยด์
-ใช้ NSAIDs กับอาหารเพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะ
-แจ้งแพทย์หากมีประวัติโรคตับ ไต หรือโรคหัวใจ
-หลีกเลี่ยงการใช้ซ้ำซ้อนหลายตัวโดยไม่ปรึกษาแพทย์
ยาแก้อักเสบที่คนไทยคุ้นเคย
ในประเทศไทย มี ยาแก้อักเสบ หลายตัวที่เราคุ้นหูกันดี เช่น
Ibuprofen: ไอบิวพรอเฟน เป็นยาแก้อักเสบปราศจากสเตียรอยด์ ยอดนิยมสำหรับรักษาอาการปวดฟัน ปวดหัว มีไข้
Prednisolone: เพรดนิโซโลน เป็นยากลุ่มสเตียรอยด์ที่แพทย์นิยมใช้เมื่อข้ออักเสบ
Diclofenac: ไดโคลฟีแนค ยาแก้อักเสบไม่ใช่สเตียรอยด์ นิยมใช้ทั้งในรูปแบบยาเม็ดและยาเจลทา บรรเทาอาการปวด ลดอาการบวม
Piroxicam: ไพร็อกซิแคม เป็น ยาแก้อักเสบ ชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ สำหรับบรรเทาอาหารปวดจากโณคข้ออักเสบ โรคปวดข้อรูมาตอยด์ โรคข้อักเสบเรื้อรัง เป็นต้น
ใช้ยาแก้อักเสบอย่างไรให้ปลอดภัย?
-อ่านฉลากและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
-อย่าซื้อยากินเองโดยไม่ปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์
-สังเกตอาการผิดปกติระหว่างใช้ยา เช่น ผื่นขึ้น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก
-ใช้ยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว
สรุป
ยาแก้อักเสบ เป็นยาที่ช่วยให้เราผ่านพ้นความทรมานจากอาการอักเสบต่าง ๆ ได้อย่างดี แต่การจะเลือกใช้ ยาใช้ภายใน หรือ ยาใช้ภายนอก ต้องเลือกให้เหมาะสมกับอาการ และการเข้าใจว่าเป็นยาสเตียรอยด์หรือไม่ ก็สำคัญมากเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพราะการใช้ยาอย่างถูกต้อง คือกุญแจสำคัญสู่การฟื้นตัวที่รวดเร็ว และปลอดภัย