ในปัจจุบัน หากสงสัยว่าท้องก็มีวิธีตรวจการตั้งครรภ์หลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีความแม่นยำที่แตกต่างกัน การรู้ตัวเองว่ากำลังมีอาการตั้งครรภ์ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยให้คุณแม่ สามารถดูแลตัวเอง รวมไปถึงทารกได้อย่างเหมาะสม บทความนี้จะมาแนะนำวิธีตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง พร้อมเปรียบเทียบความแม่นยำของแต่ละวิธีเพื่อความสบายใจของคุณแม่ที่ไม่รู้แน่ชัดว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์หรือไหม
รวมวิธีตรวจการตั้งครรภ์
- วิธีตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดตรวจครรภ์
- ตรวจหาการตั้งครรภ์ ด้วยการเจาะเลือดตรวจครรภ์
- วิธีตรวจการตั้งครรภ์ ด้วยการอัลตราซาวด์
- ตรวจหาการตั้งครรภ์ วิธีไหนที่แม่นยําที่สุด
- วิธีตรวจการตั้งครรภ์ แต่ละวิธีควรตรวจตอนไหน
วิธีตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดตรวจครรภ์
ใครสงสัยว่าท้อง การใช้ที่ตรวจครรภ์เป็นการตรวจหาการตั้งครรภ์วิธีที่สะดวกและรวดเร็ว สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน โดยใช้ปัสสาวะเป็นตัวตรวจหา ฮอร์โมน hCG (Human Chorionoc Gonadotropin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมา หลังการปฏิสนธิ ในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ฮอร์โมน hCG จะมีระดับที่ต่ำพอสมควร แต่พอคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 12 สัปดาห์ ฮอร์โมน hCG จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณแม่ไม่ต้องแปลกใจแต่อย่างใด
โดยวิธีตรวจครรภ์กับชุดตรวจครรภ์ จะมีความแม่นยำถึง 90% ซึ่งคุณแม่หลายท่านอาจจะมีข้อสงสัยว่า แล้วที่ตรวจครรภ์ ตรวจตอนไหนดี ?
คุณแม่สามารถตรวจครรภ์ด้วยชุดตรวจครรภ์ได้เลย ในช่วงที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีอาการตั้งท้อง โดยจะวิธีตรวจครรภ์ด้วยตัวเองถึง 3 รูปแบบด้วยกัน
-
ชุดตรวจครรภ์แบบจุ่ม (Test Strip)
ภายในจะประกอบไปด้วย แผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ และถ้วยตวงปัสสาวะ วิธีการใช้งาน คุณแม่ต้องเก็บปัสสาวะของตัวเองลงในถ้วยตวง จากนั้นให้นำเอาแบบทดสอบจุ่มลงไป ค้างไว้ 3 วินาที แล้วปล่อยทิ้งไว้ 5 นาที เพื่อให้ชุดตรวจอ่านผลตวรจครรภ์
ซึ่งชุดตรวจครรภ์ประเภทนี้จะมีราคาที่ถูก แต่มีข้อเสียตรงที่จะเสียเวลาตวงปัสสาวะ แต่แม่นยำไม่แพ้กับประเภทอื่น ๆ
-
ชุดตรวจครรภ์แบบหยด (Pregnancy Test Cassette)
คุณแม่หลายท่านจะรู้จักชุดตรวจครรภ์ประเภทนี้ในชื่อ ชุดตรวจครรภ์แบบตลับ โดยจะมีเพียงแท่งตรวจในการตรวจครรภ์เท่านั้น
วิธีใช้: คุณแม่ต้องใช้ปัสสาวะลงในถ้วยตวง แล้วนำแท่งตรวจดูดปัสสาวะขึ้นมา จากนั้นนำปัสสาวะที่ได้ นำไปหยดลงตลับทดสอบการตั้งครรภ์ แล้วรออ่านผล 5 นาที
-
ชุดตรวจครรภ์แบบปากกา (Pregnancy Midstream Test)
ชุดตรวจประเภทนี้จะมีอุปกรณ์ตรวจครรภ์เพียงแค่ชิ้นเดียว เช่นเดียวกันกับแบบหยด นั่นคือแท่งตรวจ โดยวิธีใช้คุณแม่ต้องนำปัสสาวะลงในถ้วยตวง จากนั้นก็นำหลอดดูดปัสสาวะขึ้นมา แล้วหยดลงในตลับ รอให้ชุดตรวจอ่านค่า 5 นาที เพื่ออ่านผลลัพธ์การตั้งครรภ์ สำหรับวิธีนี้จะมีความสะดวกสบายกว่าสองวิธีข้างต้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงกว่า
โดยรวมแล้วทั้งสามรูปแบบจะมีความแม่นยำเท่ากันที่ 90% หากตรวจในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งจะมีอีกหลายปัจจัยที่จะต้องวัดความแม่นยำของการตรวจครรภ์ด้วยชุดตรวจเหล่านี้ และอาจจะเกิดเป็นผลบวกลวงได้ หากไม่แน่ใจ แนะนำให้เข้าพบแพทย์ เพื่อตรวจสอบอีกรอบ ซึ่งวิธีการตรวจโดยแพทย์ จะกล่าวถึงในย่อหน้าถัดไป
ตรวจหาการตั้งครรภ์ ด้วยการเจาะเลือดตรวจครรภ์
วิธีตรวจการตั้งครรภ์ด้วยการเจาะเลือด (Blood Test) แพทย์จะเจาะเลือดเพื่อตรวจหาระดับฮอร์โมนของ hCG เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีความแม่นยำสูง แต่วิธีนี้คุณแม่หลายท่านเลือกที่จะไม่ใช้ เพราะต้องรอผล 1-2 ชั่วโมง
ซึ่งคุณแม่ท่านใดที่ใจร้อนเป็นปกติอยู่แล้ว การเลือกที่จะตรวจครรภ์ด้วยตัวเองไปเลยย่อมดีกว่า เพราะรู้ผลไว และไม่ต้องเสียเงินมาก ทั้งนี้วิธีตรวจครรภ์ด้วยเลือด จะมีย่อยไปอีกสองรูปแบบด้วยกัน
วิธีตรวจการตั้งครรภ์ ด้วยการอัลตราซาวด์
วิธีตรวจครรภ์ด้วยอัลตราซาวด์ จะเป็นวิธีที่คุณแม่หลายท่านเลือกใช้เช่นกัน เป็นวิธีที่ใช้ในการยืนยันการตั้งครรภ์ โดยแพทย์เฉพาะทาง จะใช้คลื่นเสียงความถี่สูงผ่านเนื้อเยื่อต่าง ๆ เพื่อตรวจดูมดลูกและทารกในครรภ์
ทั้งนี้การอัลตราซาวด์ จะบอกตำแหน่งของการตั้งครรภ์ และสามารถบอกได้ว่ามีการท้องนอกมดลูกหรือไม่ มดลูกมีอาการผิดปกติไหม เช็กได้ทั้งหมดตั้งแต่เนื้องอกภายในมดลูก หรือเป็นซีสต์รังไข่หรือไม่ ซึ่งในช่วงตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน การอัลตราซาวด์จะบอกได้ถึงเพศของทารก จนไปถึงตรวจสอบความผิดปกติของทารก คัดกรองความพิการ ภาวะน้ำคร่ำ รกเกาะต่ำ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ การอัลตราซาวด์จะบอกได้ทั้งหมด
ตรวจหาการตั้งครรภ์ วิธีไหนที่แม่นยําที่สุด
ความแม่นยำของวิธีตรวจการตั้งครรภ์ ทั้งสามรูปแบบมีความแม่นยำทั้งหมด แต่ทั้งนี้เพื่อความสบายใจของคุณแม่ เลยจะมาแยกออกเป็นข้อว่าวิธีไหนแม่นยำมากที่สุด
- การตรวจด้วยชุดตรวจครรภ์ การตรวจด้วยชุดตรวจครรภ์จะมี ความแม่นยำประมาณ 90% แนะนำให้ไปตรวจกับแพทย์อีกรอบ เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์
- การตรวจด้วยเลือด เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด โดยทั่วไปแล้วสามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 2 สัปดาห์หลังจากมีการปฏิสนธิเกิดขึ้น
- การตรวจด้วยอัลตราซาวด์ เป็นวิธีที่ใช้ในการยืนยันการตั้งครรภ์ โดยแพทย์จะใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อตรวจดูมดลูกและทารกในครรภ์
วิธีตรวจการตั้งครรภ์ แต่ละวิธีควรตรวจตอนไหน
โดยปกติแล้วการตรวจการตั้งครรภ์ทุกวิธีควรทำการตรวจในช่วงเช้า เพราะเป็นช่วงเวลาที่ฮอร์โมน hCG เข้มข้นที่สุด
- ตรวจหาการตั้งครรภ์ด้วยชุดตรวจครรภ์ สามารถเริ่มใช้ที่ตรวจการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 8-10 วันหลังจากมีการปฏิสนธิ หรือวันแรกที่ประจำเดือนไม่มา (กรณีหลังแนะนำในคนที่ประจำเดือนมาตรงตามปกติทุกเดือน)
- ตรวจหาการตั้งครรภ์ ด้วยการเจาะเลือดตรวจครรภ์ มักตรวจในช่วง 7-12 สัปดาห์ ที่มีกาปฏิสนธิของตัวอ่อน
- การอัลตร้าซาวด์ สามารถเริ่มตรวจได้ในช่วง 1-2 สัปดาห์ (หลังประจำเดือนขาดแล้ว)
กล่าวโดยสรุปแล้ว วิธีตรวจการตั้งครรภ์มีหลายวิธี แต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความต้องการของแต่ละบุคคล
หากสงสัยว่าท้องและต้องการตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง ควรเลือกวิธีที่เหมาะสม อ่านคู่มือการใช้อย่างละเอียด เพื่อผลการตรวจที่แม่นยำ
ใครที่ใช้ที่ตรวจครรภ์ตรวจเองแล้วขึ้น 2 ขีด ซึ่งมีแนวโน้มที่จะตั้งท้อง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยันและฝากครรภ์ ทั้งนี้มันอาจจะมีกรณีที่ตรวจครรภ์ขึ้น 2 ขีด แต่ไม่ท้อง และปัจจัยที่ส่งผลให้มีผลบวกลวง มาเป็นตัวแปรสำคัญอีกด้วยค่ะ
บทความที่น่าสนใจ
- ที่ตรวจครรภ์ขึ้น 2 ขีด แต่ไม่ท้อง เกิดจากสาเหตุใด
- เทคนิคดูแลตัวเองระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อให้คุณแม่และทารกในครรภ์มีสุขภาพดี
- วิธีสังเกตอาการท้อง 1 สัปดาห์ สัญญานเตือนว่ากำลังตั้งครรภ์?