สำหรับผู้ที่มีลูกน้อยที่ยังอยู่ในช่วงปฐมวัย นอกจากจะต้องดูแลเขาให้แข็งแรง มีพัฒนาการสมวัยแล้ว สิ่งที่ผู้ปกครองต้องใส่ใจ ระมัดระวัง ก็คือ โรคที่อาจเกิดขึ้นได้กับเด็กเล็ก เพราะบางโรคอาจอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต เช่นโรคที่มักระบาดในเด็ก อย่าง โรคมือเท้าปาก ที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม เรามาดูวิธีการเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันการระบาดของโรค พร้อมทั้งสังเกตอาการหลังติดเชื้อกันว่ามีอะไรบ้าง จะได้ป้องกันและรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
4 อาการทางร่างกาย หลังลูกป่วยด้วย โรคมือเท้าปาก
โรคระบาด ชนิดนี้ สามารถติดต่อกันได้ง่าย ผ่านทางการสัมผัสสารคัดหลั่ง ของเล่น และการรับประทานอาหาร โดยแพร่เชื้อผ่านระบบทางเดินหายใจ รวมถึงทางเดินอาหาร ซึ่งสำคัญต่อการดำรงชีวิต โรคมือเท้าปาก เกิดจากกลุ่มเชื้อสายพันธุ์ ‘เอนเตอโรไวรัส’ อย่างไรก็ตาม มีเชื้อไวรัสสายพันธุ์หนึ่งจากเชื้อข้างต้นที่ส่งผลรุนแรงต่อชีวิตของเด็ก อย่างเชื้อเอนเตอโรไวรัส 71 (อีวี 71) หากเข้าสู่ร่างกาย เด็กอาจป่วยด้วยโรค ‘ไข้สมองอักเสบ’ ร่วมด้วย ดังนั้น พ่อแม่จึงควรดูแลอย่างใกล้ชิด โดยอาการของ โรคมือเท้าปาก มักส่งผลรุนแรงขึ้นตามระยะ ดังนี้
เริ่มมีไข้ ร่างกายอ่อนเพลีย
หลังจากได้รับเชื้อเข้าร่างกายสักระยะ เด็กจะเริ่มมีไข้ ร่างกายเริ่มอ่อนเพลียอยากเห็นได้ชัด อาการเหมือนการเจ็บไข้ได้ป่วยทั่ว ๆ ไปเลย จึงทราบได้ไม่แน่ชัดว่า เป็นไข้หวัดธรรมดาหรือไม่ อีกทั้ง โรคมือเท้าปาก นั้นมักเริ่มระบาดในช่วงหน้าฝนด้วย ผู้ปกครองอาจสับสนหรือเข้าใจผิดได้ แนะนำให้จับตามองอาการในระยะถัดไปอย่างใกล้ชิด
รับประทานอาหาร ดื่มน้ำได้น้อยลง
หลังจากที่ร่างกายอ่อนเพลีย มีไข้ บางรายอาจเจ็บคอได้ ระยะต่อมา เด็กที่ป่วย โรคมือเท้าปาก จะเริ่มมีอาการเบื่อ ซึม พ่อแม่ควรสังเกตอาการ พฤติกรรมในขณะกำลังทานอาหารของลูกน้อย ว่ามีอาการไม่อยากอาหาร รับประทานอาหารได้น้อยลงกว่าปกติ นอกจากนี้ยังดื่มน้ำน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดหรือไม่ หากเริ่มมีอาการตามที่กล่าวข้างต้นนี้ต่อเนื่อง ร่างกายของลูกน้อยอาจเข้าสู่ภาวะขาดน้ำได้ ควรให้เด็กดื่มน้ำมากขึ้นในระหว่างวัน การจิบเกลือแร่ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่ช่วยให้เด็กดื่มน้ำได้ง่ายขึ้น เพื่อชดเชยน้ำให้ร่างกาย ป้องกันการขาดน้ำ
บาดเจ็บริมฝีปาก ทั้งด้านนอกและด้านใน
ในระยะถัดไปของ โรคมือเท้าปาก เด็กจะเริ่มได้รับบาดเจ็บที่ริมฝีปาก สามารถสังเกตได้จากการมีตุ่มหรือแผลบริเวณริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม และเพดานปาก แต่ไม่ต้องกังวลไป คุณพ่อคุณแม่แก้ปัญหาได้ ด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์ยารักษาแผลในปากมาบรรเทาอาการให้ลูก รวมถึงหมั่นให้ลูกจิบน้ำ เพื่อลดอาการบาดเจ็บในริมฝีปากด้วย
มีตุ่มหรือผื่นแดงขึ้นทั่วตามร่างกาย
อาการของ โรคมือเท้าปาก ที่สามารถเห็นได้ชัดเจนอีกระดับ ก็คือ เริ่มมีตุ่มหรือผื่นแดงขึ้นตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย โดยมักขึ้นที่มือ แขน ขา และเท้า เมื่อลูกมีอาการเช่นนี้ แนะนำให้ปรึกษาเภสัชกรในคลินิกแล้วซื้อยาแก้แพ้มาบรรเทาอาการ
3 วิธีป้องกันง่าย ๆ ให้ลูกห่างไกลจากโรค
รับวัคซีน ป้องกันโรค ลูกปลอดภัย พ่อแม่หายห่วง
โรคระบาด ที่เกิดขึ้นได้กับเด็กอย่าง ‘มือเท้าปาก’ ปัจจุบันนี้สามารถป้องกันได้แล้ว โดยการรับวัคซีน เพื่อรับภูมิคุ้มกันให้เด็กเล็ก โดยสามารถฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุประมาณ 5-7 ปี หรืออายุน้อยกว่านี้ก็ได้ เท่านี้ก็ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอันตรายต่อชีวิตของลูกได้แล้ว
ดูแลความสะอาดเรื่องอาหาร น้ำ รวมไปถึงของเล่น
ความสะอาดของสิ่งรอบตัวของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นของเล่นหรือสิ่งของที่เด็กมักใช้มือจับสัมผัส ความสะอาดของสิ่งที่เด็กต้องนำเข้าปาก น้ำ เครื่องดื่ม และอาหาร คุณพ่อคุณแม่ต้องระมัดระวังอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกัน ลดความเสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรคนั่นเอง
หมั่นให้เด็กล้างมืออยู่เสมอ
นอกจากทำความสะอาดสิ่งของที่เด็กมีโอกาสสัมผัสแล้ว สิ่งสำคัญที่เด็กต้องฝึก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โรคมือเท้าปาก คือ การฝึกให้ลูกน้อยหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ ควรล้างทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงการนำเอาเชื้อโรคเข้าปากโดยตรง พ่อแม่ควรแนะนำหรือสอนลูก รวมทั้งให้ลูกฝึกฝนวิธีการล้างมืออย่างถูกต้องด้วย เพื่อสุขอนามัยที่ดี ห่างไกลจากโรคไม่พึงประสงค์
สรุป
โรคที่มักเกิดกับเด็กปฐมวัยอย่าง ‘โรคมือเท้าปาก’ นั้น แพร่เชื้อได้ง่าย ติดต่อได้จากการสัมผัส รับเชื้อผ่านทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ หากเป็นโรคไข้สมองร่วมด้วย อาจเสียชีวิตได้ ดังนั้น พ่อแม่จึงควรป้องกัน เพื่อลดความเสี่ยงให้ลูกน้อย โดยรับ วัคซีน ป้องกันโรคจากสถานพยาบาล หมั่นสังเกตลูก เมื่อถึงช่วงที่โรคเริ่มระบาดหนัก ฝึกฝนให้ลูกรักษาความสะอาด เพียงเท่านี้ก็สามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้แล้ว