อาการท้องเสียนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนและอาจไม่เลือกเวลาด้วย ซึ่งพอเกิดอาการหลายคนอาจจะเดาว่าเกิดจากอาหารที่รับประทานเข้าไป หรือไม่ก็เชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนมากับอาหาร แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นแล้วยังมีอีกสาเหตุที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยนักนั่นก็คือเจ้า โนโรไวรัส (Norovirus) ที่เรากำลังจะพูดถึงกันในบทความนี้ เพื่อให้คุณรู้เท่าทันและป้องกันอย่างถูกวิธีเนื่องจากอันตรายของมันนั้นอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้เลยทีเดียว
ทำความรู้จัก โนโรไวรัส
ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับ โนโรไวรัส (Norovirus) โดยเจ้าไวรัสตัวนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบทางเดินอาหารเกิดการอักเสบ ที่สำคัญมันเป็นโรคระบาดชนิดหนึ่งที่แพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้ง่ายผ่านทางอาหารและน้ำดื่ม นั่นหมายความว่าหากมีใครคนใดคนหนึ่งติดเชื้อคนที่เหลือในครอบครัวก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อไปด้วย โดยเฉพาะกับผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือเด็ก ๆ ที่น่ากลัวก็คือเจ้า โนโรไวรัส ตัวนี้ยังมีความอดทนสูงต่อน้ำยาฆ่าเชื้อและความร้อนอีกด้วย โดยไวรัสนี้แพร่กระจายได้ดีในอากาศที่เย็นจึงเป็นโรคระบาดที่พบได้ค่อนข้างบ่อยในฤดูหนาว
จะรู้ได้อย่างไรว่าติดเชื้อโนโรไวรัส
สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโนโรไวรัสนั้นประกอบไปด้วย เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ที่มีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โดยเชื้อจะทำการฟักตัวอยู่ในร่างกายราว 24-48 ชม. จึงแสดงอาการออกมาให้เห็น ซึ่งอาการหลัก ๆ ของผู้ติดเชื้อนั้นประกอบไปด้วย อาการปวดท้องอย่างรุนแรง อุจจาระเหลวเป็นน้ำ ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว มีไข้อ่อน ๆ ร่างกายอ่อนเพลีย โดยอาการจะรุนแรงในกลุ่มเสี่ยงคือ เด็กเล็ก คนชรา และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
การติดต่อของเชื้อโนโรไวรัส
อย่างที่บอกเอาไว้ในตอนต้นว่าเจ้าโนโรไวรัสนั้นแพร่กระจายตัวเองได้ดีในอากาศเย็นจึงมักพบผู้ป่วยในอัตราที่สูงกว่าปกติในฤดูหนาว โดยมันสามารถแพร่กระจายไปยังบุคคลอื่นได้หลายทางด้วยกันไม่ว่าจะเป็น การสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง การทานอาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสตัวนี้ โดยเชื้อโนโรไวรัสสามารถพบได้ในน้ำแข็ง น้ำดื่ม ผักและผลไม้ หอยนางรม หรือการที่เด็กจับของที่มีเชื้อโรคแล้วเอานิ้วเข้าไปในปาก เรียกว่าแทบจะอยู่รอบตัวเราเลยก็ว่าได้
การรักษาผู้ติดเชื้อโนโรไวรัส
ต่อไปเรามาดูวิธีการรักษาผู้ติดเชื้อกันบ้าง โดยหากสงสัยว่าคนในครอบครัวของเรามีอาการคล้ายกันกับที่กล่าวมาข้างต้น ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรค ซึ่งหากทำการตรวจอุจจาระแลพพบว่าติดเชื้อแพทย์จะรักษาตามอาการก่อนด้วยการให้ดื่มเกลือแร่หรือให้น้ำเกลือ ทานอาหารที่ย่อยง่าย โดยในคนปกติจะรักษาหายใน 2-3 วัน ส่วนผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำอาการอาจรุนแรงกว่า จึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะอันตรายของเจ้าเชื้อไวรัสตัวนี้อาจทำให้ถึงขั้นช็อกหรือเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
การป้องกันเชื้อโนโรไวรัส
แม้ว่าเชื้อโนโรไวรัสนั้นจะมีอันตราย แพร่ระบาดได้ง่าย แต่เราก็สามารถป้องกันตัวเองและคนในครอบครัวให้ห่างไกลจากเชื้อนี้ได้ด้วยการให้ความสำคัญกับเรื่องความสะอาดของอาหารและน้ำดื่ม โดยควรดื่มน้ำที่สะอาดหรือถ้าเป็นน้ำแข็งก็ต้องพิจารณาให้ดีว่าบรรจุภัณฑ์ได้มาตรฐานหรือไม่ ก่อนและหลังรับประทานอาหารควรล้างมือทุกครั้งอย่างถูกวิธี อย่างน้อย 15 วินาที กรณีร่วมมื้ออาหารกับผู้อื่นควรใช้ช้อนกลางเพื่อป้องกันการติดเชื้อ อาหารที่ทานก็ควรปรุงสุกและเก็บให้มิดชิด และเพื่อลดความรุนแรงของโรคควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
สรุป
จะเห็นได้ว่าโนโรไวรัสนั้นสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายและหลายช่องทาง แต่ในขณะเดียวกันเราก็สามารถดูแลตัวเองและคนในครอบครัวให้พ้นจากเจ้าไวรัสตัวร้ายนี้ได้ด้วยความใส่ใจในเรื่องความสะอาดของอาหาร น้ำดื่ม ผักและผลไม้ โดยหากสงสัยว่าคนในครอบครัวเสี่ยงที่จะติดเชื้อนี้ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาต่อไป