การคุมเนิดถือว่าเป็นการวางแผนครอบครัวที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่แต่งงานหรือมีครอบครัวแล้ว รวมถึงช่วยป้องกันปัญหาจากการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์หรือยังไม่ถึงวัยอันควรด้วย และถ้าถามถึงวิธีคุมกำเนิดที่ง่าย มีประสิทธิภาพ และราคาประหยัด ก็คงต้องยกให้กับยาเม็ดคุมกำเนิด ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและให้ผลลัพธ์ในการคุมกำเนิดมากกว่า 90% โดยในบทความนี้เรามีเรื่องที่ควรต้องรู้เกี่ยวกับยาคุมกำเนิดมาฝากเพื่อการใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดรวมถึงปลอดภัยมากที่สุดด้วย
ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาเม็ดคุมกำเนิด
สำหรับใครที่อาจจะยังไม่เคยใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดมาก่อน หรือยังใช้ไม่ถูกวิธี นี่คือเรื่องที่คุณควรรู้ในการใช้ยาประเภทนี้
ยาเม็ดคุมกำเนิดคืออะไร
ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth Control Pill) เป็นยาช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีฮอร์โมน 2 ชนิดคือ เอสโตรเจน และ โปรเจสเตอโรน หลักการทำงานของยาคุมแบบนี้ก็คือการทำให้อสุจิเข้าไปผสมกับไข่ได้ด้วยการทำให้ปากมดลูกมีความเหนียวข้นกว่าปกติ รวมถึงทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลงจนตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวได้
ยาเม็ดคุมกำเนิดมีกี่แบบ
หากแบ่งตามชนิดของฮอร์โมน ยาเม็ดคุมกำเนิดมาก่อน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบคือ
-แบบฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจนกับโปรเจสเตอโรน) เป็นยาคุมแบบเม็ดที่นิยมใช้กันทั่วไป
-แบบฮอร์โมนเดี่ยว (โปรเจสเตอโรนอย่างเดียว) เป็นยาคุมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าแบบฮอร์โมนรวม
ข้อแตกต่างของยาเม็ดคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ด กับ 28 เม็ด
ในส่วนของข้อแตกต่างของยาเม็ดคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ด กับ 28 เม็ด ก็คือ แบบ 21 เม็ดนั้น ต้องเว้นระยะ 1 สัปดาห์ จึงจะเริ่มแผงใหม่ ในขณะที่แบบ 28 เม็ดนั้น ผลิตมาเพื่อคนขี้ลืมกลัวว่าจะจำวันผิด โดยมียาจริง 21 เม็ดและยาหลอก 7 เม็ด ต้องกินต่อกันจนหมดแผง อย่างไรก็ตามทั้ง 2 แบบ มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดเท่ากัน
ประสิทธิภาพของยาคุมแบบเม็ด
หลายคนอาจสงสัยว่าประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดของยาคุมแบบเม็ดนั้นมีมากน้อยแค่ไหน คำตอบก็คือ ยาเม็ดคุมกำเนิดสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ถึง 93% กรณีกินครบจำนวน แต่ถ้าลืมกินประสิทธิภาพก็จะลดลง ส่วนยาคุมฉุกเฉินนั้นสามารถคุมกำเนิดได้เพียง 60-80% เท่านั้น
ผลข้างเคียงของของยาเม็ดคุมกำเนิด
คุณผู้หญิงบางคนโดยเฉพาะผู้ที่มีอายุเกิน 35 ปี อาจมีอาการแพ้ยาคุมหรือมีผลของเคียงจากการกินยาเม็ดคุมกำเนิด กล่าวคือ มีอาการเลือดออกเยอะกว่าปกติ อาเจียน อารมณ์แปนปรวน คลื่นไส้ หรืออาจมีภาวะหลอดเลือดอุดตัน หากพบว่ามีผลข้างเคียงควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำหรือเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิด
ทำอย่างไรหากลืมกินยาเม็ดคุมกำเนิด
สำหรับคุณผู้หญิงที่ลืมกินยาคุม อาจจะกระวนกระวายใจกลัวว่าจะตั้งครรภ์ซึ่งก็ไม่ผิด แต่สิ่งที่ต้องทำหลังจากนั้นคือรีบกินยาคุมทันทีที่จำได้ และทางที่ดีหลังจากลืมกินยาคุมหากมีเพศสัมพันธ์ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง
เมื่อจำเป็นต้องกินยาคุมฉุกเฉิน
จากข้อก่อนหน้านี้เราได้ทราบกันไปแล้วว่ายาคุมฉุกเฉินนั้นมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพียง 60-80% เท่านั้น ดังนั้นชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ายาคุมฉุกเฉินจึงควรกินเมื่อฉุกเฉินจริง ๆ เท่านั้น อาทิ การถูกข่มขืน การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ตั้งใจ วิธีกินคือรีบกินเม็ดแรกทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์จากนั้นรออีก 12 ชั่วโมง ค่อยกินเม็ดที่ 2 (1 แผง มี 2 เม็ด)
กินยาเม็ดคุมกำเนิดแล้วทำให้อ้วนจริงหรือไม่
หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้างว่ากินยาคุมแล้วทำให้อ้วน ข้อเท็จจริงก็คือ ยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่มีผลต่อน้ำหนักตัวแต่อย่างใด
มีข้อห้ามในการกินยาเม็ดคุมกำเนิดหรือไม่
เรื่องนี้หลายคนอาจลืมให้ความสำคัญว่าการกินยาคุมนั้นมีข้อห้ามหรือข้อควรระวังอะไรบ้าง คำตอบก็คือ ผู้ที่มีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินยาคุมแบบเม็ด ได้แก่ คนที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก ผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคตับ ผู้ที่มีภาวะปวดหัวไมเกรนขั้นรุนแรง
สรุป
และทั้งหมดนี้ก็คือสาระควรรู้เกี่ยวกับยาเม็ดคุมกำเนิดที่เรารวบรวมมาไว้ให้คุณได้อ่านกันเพื่อนำไปปรับใช้ในการคุมกำเนิดอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมถึงข้อควรระวังในการใช้ยาคุมด้วย ทั้งนี้นอกจากการกินยาคุมแบบเม็ดแล้วยังมีการคุมกำเนิดกด้วยวิธีอื่น เช่น การฉีดยาคุม หรือ การฝังยาคุม เป็นต้น หากไม่ทราบว่าตัวเองเหมาะกับการคุมกำเนิดแบบไหนลองสอบถาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อหาวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะกับตัวเองและปลอดภัยมากที่สุดด้วย