อย่าชินกับอาการชา รักษาก่อนลุกลาม

เมื่อร่างกายของคุณเริ่มมีความรู้สึกซ่า ๆ เป็นพัก ๆ บริเวณขา เท้า ปลายแขน หรือ ปลายนิ้ว นั่นอาจเป็นสัญญาณของ “อาการเหน็บชา” ซึ่งหลายคนคงเคยมีประสบการณ์กับอาการชา แบบนี้กันมาบ้าง โดยเป็นอาการของโรคไม่ติดต่อที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน แต่สิ่งที่น่าสนใจและควรให้ความสำคัญก็คือความถี่และระยะเวลาของการแสดงอาการชา ซึ่งเป็นเครื่องบอกความรุนแรงของอาการ เพราะโดยปกติแล้ว การเป็นเหน็บชานั้นเกิดขึ้นได้เมื่อเราใช้กล้ามเนื้อในท่าเดิมนาน ๆ เพียงแต่มันจะหายไปได้ในระยะเวลาอันสั้น จนกลายเป็นความเคยชินโดยหารู้ไม่ว่าอาจเกิดการลุกลามและร้ายแรงขึ้นได้

ระดับความรุนแรงของอาการชา ที่ควรปรึกษาแพทย์

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร? ว่าแบบไหนคือสัญญาณบ่งบอกอันตราย? คำตอบก็คือ

– มีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย

อาการที่เกิดขึ้นนั้น นอกจากจะชาในบริเวณที่เกิดแล้ว ในบางรายอาจจะเริ่มมีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย ซึ่งอาการอ่อนแรงนั้น อาจมีสาเหตุมาจากปลายประสาทเกิดการอักเสบขึ้นมา มักจะเกิดที่บริเวณปลายฝ่ามือหรือฝ่าเท้า หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ก่อนจะเข้าสู่ระยะอันตราย

– สูญเสียการทรงตัว

อาการชา ที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นอีกระดับ ซึ่งถือว่าอันตรายมากเลยทีเดียว ควรเข้าพบแพทย์อย่างเร่งด่วนที่สุด เพราะอาการนี้อาจมีสาเหตุที่เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับอยู่ ยิ่งถูกกดทับมากและนานเท่าไร อาการบาดเจ็บและความเสียหายต่อเส้นประสาทและกล้ามเนื้อก็ยิ่งมากขึ้น จนทำให้ควบคุมการขยับเคลื่อนไหวตนเองไม่ได้ โดยมักจะเกิดอาการเวียนหัว ยืนขึ้นหรือทรงตัวไม่ได้ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ละเลยหรือมองข้ามไม่ได้

– อาการรุนแรงและยาวนานมากขึ้น

อาการนี้อาจเป็นสัญญาณระยะต้นที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติของการเกิดเหน็บชา มากเกินปกติ เช่น เมื่อเกิด อาการชา นั้นแล้วรู้สึกได้ว่าเจ็บมากขึ้น ชามากขึ้น หรือการเหน็บชานั้นได้ขยายบริเวณออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างชัดเจน หรือสังเกตได้ว่า อาการไม่หายไปง่าย ๆ ในเวลาที่เราคาดไว้ เป็นสัญญาณบอกว่าคุณควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบการทำงานของระบบประสาท การตรวจระดับวิตามินบีที่มีอยู่ภายในร่างกาย เมื่อรู้ก่อน ตรวจพบก่อน ก็มีโอกาสที่จะรักษาให้หายได้

วิธีการป้องกันอาการเหน็บชา

ได้ทราบกันไปแล้วว่าอาการชาแบบไหนบ้างที่คุณควรต้องกังวล หรือเข้ารับการตรวจสุขภาพ เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธี คราวนี้เรามาดูวิธีป้องกันกันบ้าง โดยสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญคือ

– รับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี

การเกิด อาการชา นั้น สาเหตุหนึ่งที่ค่อนข้างส่งผลอย่างมากเลย ก็คือ ร่างกายของคุณกำลังขาด ‘วิตามินบี’ นั่นเอง นอกจากการชดเชยด้วยอาหารเสริมวิตามินบีแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่มีวิตามินบีมาก อย่างธัญพืช เนื้อ นม ไข่ ถั่ว เป็นต้น ก็ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคและยังฟื้นฟูอาการของโรคได้ด้วย

– ลดหรือหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มแห่งการเฉลิมฉลอง ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการชาจากปลายประสาทอักเสบเช่นกัน เนื่องจากมันจะเข้าไปขัดขวางการดูดซึมสารอาหารในร่างกาย แน่นอนว่ารวมถึงสารสำคัญอย่าง ‘วิตามินบี’ ด้วย เช่น วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 เป็นต้น เมื่อดูดซึมได้น้อย ร่างกายก็นำไปใช้ได้น้อย ทำให้ขาดสารอาหารตัวสำคัญ อันจะนำไปสู่อาการชาที่ปลายประสาทได้

– หมั่นเปลี่ยนอิริยาบถ ขยับร่างกายระหว่างวันบ่อย ๆ

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เสี่ยงต่อการชา เริ่มจากการนั่งหรือยืน หรืออยู่ในอิริยาบถเดิม ๆ นาน ๆ ทำให้เส้นประสาทถูกกดทับ หากยังคงถูกกดทับบริเวณเดิม เป็นระยะเวลานานเข้า ก็ก่อให้เกิดโรคได้โดยไม่ทันรู้ตัว ดังนั้นอย่าลืมเปลี่ยนอิริยาบถของร่างกาย เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เส้นประสาท และทางที่ดีควรหาเวลาไปออกกำลังกายเพื่อป้องกันอาการชารวมถึงโรคอื่น ๆ ด้วย

สรุป

อาการชา หรือ “เหน็บชา” คือ โรคไม่ติดต่อ ที่มักจะมีสาเหตุมาจากการขาดวิตามินหรือการอักเสบของปลายประสาท โดยหากเกิดขึ้น มักจะชาที่บริเวณปลายแขน ปลายนิ้วมือ ขา และปลายเท้า ซึ่งสามารถส่งผลรุนแรงต่อร่างกายได้ ดังนั้น คุณจึงควรป้องกันก่อนที่จะสายเกินไป ด้วยการหมั่นออกกำลังกาย ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และตรวจสุขภาพทุกปี เท่านี้ก็ไร้กังวลเรื่องเหน็บชาหรืออาการชาปลายประสาทแล้วล่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses cookies to offer you a better browsing experience. By browsing this website, you agree to our use of cookies.