มะเร็งลำไส้ ถือเป็นหนึ่งในโรคที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นจำนวนมากทุกปี แม้ว่าจะฟังดูน่ากลัว แต่ความจริงแล้วหากเรารู้เท่าทันอาการเตือนเบื้องต้น รวมถึงตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรักษาหายได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นการรู้จัก มะเร็งลำไส้ ตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
มะเร็งลำไส้ คืออะไร?
มะเร็งลำไส้ (Colorectal Cancer) คือการเกิดเซลล์ผิดปกติในเยื่อบุผนังลำไส้ ซึ่งมักเริ่มจากติ่งเนื้อเล็ก ๆ ที่พัฒนาเป็นเนื้อร้ายเมื่อเวลาผ่านไป โดยส่วนใหญ่พบได้บ่อยในลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งลำไส้ ติด 1 ใน 5 อันดับแรกของ โรคมะเร็ง ที่พบในคนไทย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
![]()
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งลำไส้
มะเร็งลำไส้ มีสาเหตุการเกิดได้จากหลายปัจจัย คือ
อายุ
คนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงสูงขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากเซลล์ในลำไส้มีโอกาสสะสมการกลายพันธุ์มากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น
พันธุกรรมและประวัติครอบครัว
ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งลำไส้จะสูงขึ้นถึง 2-3 เท่า กรณีมีพ่อแม่ พี่น้อง หรือญาติสายตรงเคยเป็นมาก่อน
พฤติกรรมการกิน
ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์ การบริโภคเนื้อแดง และเนื้อแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน เป็นประจำ ไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้น้อย ส่งผลให้การขับถ่ายไม่ดี ลำไส้ทำงานผิดปกติ
![]()
การไม่ออกกำลังกาย
ทำให้ระบบเผาผลาญช้าลง เสี่ยงต่อการสะสมของสารพิษในลำไส้
น้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วน
โรคอ้วน โดยเฉพาะคนที่มีไขมันสะสมรอบเอว มีโอกาสเกิด มะเร็งลำไส้ มากขึ้น
การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์
สารพิษในบุหรี่ และแอลกอฮอล์ ส่งผลกระทบต่อผนังลำไส้โดยตรง เพิ่มการอักเสบเรื้อรัง และเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์ของเซลล์
![]()
อาการที่บ่งบอกความเสี่ยงมะเร็งลำไส้
อาการของ มะเร็งลำไส้ ในระยะเริ่มต้นอาจไม่ชัดเจน แต่เมื่อเนื้อร้ายเติบโตขึ้น ก็จะเริ่มมีอาการต่าง ๆ ที่ควรสังเกต คือ ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน หรือสีคล้ำผิดปกติ ท้องผูกหรือท้องเสียเรื้อรัง น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรือคลำเจอก้อนในช่องท้อง หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อทำการตรวจวินิจฉัย เพราะการตรวจพบมะเร็งลำไส้ ในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาให้หายขาดได้
วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้
การตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นกุญแจสำคัญในการลดอัตราการเสียชีวิตจาก มะเร็งลำไส้ โดยมีวิธีการ ดังนี้
การตรวจหาเลือดในอุจจาระ (FOBT): เพื่อตรวจหาเลือดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy): สามารถตรวจเจอและตัดติ่งเนื้อที่ผิดปกติได้ทันที
การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Colonography): ใช้เทคโนโลยีสามมิติตรวจหาความผิดปกติในลำไส้
แนวทางการรักษามะเร็งลำไส้
แนวทางการรักษามะเร็งลำไส้ ขึ้นอยู่กับระยะของโรค และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ซึ่งวิธีหลัก ๆ ได้แก่:
การผ่าตัด (Surgery)
การผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งและเนื้อเยื่อข้างเคียงออก เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลดีที่สุดในระยะเริ่มต้น
การทำเคมีบำบัด (Chemotherapy)
เคมีบำบัด เป็นการใช้ยาเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งมักใช้ร่วมกับการผ่าตัดในระยะลุกลาม เพื่อลดขนาดก้อนเนื้อหรือฆ่าเซลล์ที่แพร่กระจายแล้ว
![]()
การฉายรังสี (Radiotherapy)
ใช้รังสีความเข้มสูงกำจัดเซลล์ มะเร็ง เหมาะกับ มะเร็งลำไส้ ที่อยู่ใกล้ทวารหนักเพื่อช่วยลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
การดูแลตัวเองระหว่างรักษามะเร็งลำไส้
ระหว่างการรักษามะเร็งลำไส้ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด การทำ เคมีบำบัด หรือการฉายแสง การดูแลตัวเองที่ดีจะช่วยลดผลข้างเคียงและเสริมสร้างการฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้น
อาหาร
เลือกอาหารที่ย่อยง่าย, โปรตีนสูง เช่น ไข่ ปลา เต้าหู้ เพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารหมักดอง และเนื้อแปรรูป รับประทานผักผลไม้ที่มีเส้นใยละเอียด เช่น กล้วย มะละกอ เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย วันละ 1.5-2 ลิตร เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
แม้จะอยู่ระหว่างการรักษา แต่การเคลื่อนไหวเบา ๆ เช่น โยคะ หรือเดินช้า ๆ สามารถช่วยเสริมความแข็งแรงและลดอาการเหนื่อยล้าได้
ดูแลจิตใจและอารมณ์
ฝึกสมาธิ หรือทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง วาดภาพ งานอดิเรกที่ตนเองชอบ
![]()
การป้องกันมะเร็งลำไส้
มะเร็งลำไส้ เป็นหนึ่งในโรคที่สามารถป้องกันได้ ถ้าเรารู้วิธีดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งการป้องกันมีตั้งแต่การปรับพฤติกรรม การตรวจสุขภาพ และการลดความเสี่ยงในชีวิตประจำวัน ดังนี้
รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพลำไส้
เน้นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ลดการกินเนื้อแดง และอาหารแปรรูป กินอาหารปิ้ง ย่าง ทอดให้น้อยลง และควรเลิกสูบบุหรี่ และลดการดื่มแอลกอฮอล์
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
งานวิจัยพบว่า คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอมีโอกาสเป็น มะเร็งลำไส้ น้อยกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายถึง 20-30%
ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้เป็นประจำ
ประเทศไทยเริ่มมีโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ในกลุ่มเสี่ยงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น ผ่านสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
สรุป
มะเร็งลำไส้ เป็นภัยเงียบที่สามารถป้องกันได้หากเรารู้เท่าทัน และใส่ใจสุขภาพของตัวเองตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตอาการผิดปกติ การตรวจคัดกรอง หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ล้วนเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับ โรค มะเร็ง ชนิดนี้ จำไว้ว่าการพบแพทย์ตั้งแต่มีอาการแรกเริ่ม หรือแม้ไม่มีอาการแต่มีความเสี่ยงสูง คือการเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว
